รีวิวเกมSteam เกมใหม่มาแรง 2023

รีวิวGAME : Monster Hunter Rise

Monster Hunter Rise

Monster Hunter Rise หมู่บ้านคามูระเป็นสถานที่ที่ผู้คนอาศัยอยู่อย่างสงบสุขกับสัตว์ที่เหมือนแมวอย่างปาลิโกและพาลามิวต์ที่เหมือนสุนัข แต่มีเบื้องหลังคือมันประสบภัยพิบัติที่เรียกว่า ‘Rage’ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการรุกรานของสัตว์ประหลาดจำนวนมาก สร้างความหายนะให้กับหมู่บ้านที่นำโดย Magnamalo สัตว์ประหลาดมรณะที่ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้

ปีนี้ Rampage กลับมาพร้อมกับการคัมแบ็ค แต่มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะครั้งนี้จะมีคุณเป็น “นักล่า” ที่ได้รับการฝึกฝนจนพร้อมเข้าสู่โลกแห่งความจริง ชาวบ้านเองก็เตรียมพร้อมรับมือกับมันเช่นกัน รวมพลังกันเพื่อขับไล่สัตว์ประหลาดอันตรายเหล่านี้ออกไป และเพื่อค้นหาว่าสาเหตุที่แท้จริงของปรากฏการณ์นี้คืออะไรกันแน่

ในขณะที่ Monster Hunter มีเนื้อเรื่องที่เบาบางอยู่แล้ว Rise ยังคงเดินตามรอยเท้าของภาคก่อนอย่าง World และ Iceborne แม้จะมีการเพิ่มฉากคัตซีน การเล่าเรื่องที่จริงจังก็สามารถสัมผัสได้ถึงความพยายามของทีม ใครอยากเติมชีวิตชีวาให้กับหมู่บ้าน Kamimura โดดเด่นด้วยการออกแบบตัวละครมากมาย มันน่าจดจำกว่าที่เคย

ดังนั้น จึงมีโครงเรื่องที่ง่ายต่อการติดตาม ไม่เน้นความลึกของผู้เล่น เน้นเฉพาะเกม ซึ่งเป็นแกนหลักของเกม ด้วยเหตุนี้ จึงยังคงเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่บทสนทนาไม่เป็นธรรมชาติ แทบทุกฉากจำเจเหมือนเคย

ระบบเกมในแผนกนี้ได้รับการปรับปรุงเพื่ออำนวยความสะดวกจนแตะมาตรฐานคุณภาพชีวิตของเกมในปัจจุบัน ลดความซับซ้อนและมุ่งเน้นไปที่แกนหลัก เป็นการเผชิญหน้าสัตว์ประหลาด

MonsterHunterRise3

แน่นอนว่ามันก็ยังดีสำหรับผู้เล่นใหม่ที่เริ่มต้นได้ง่าย แต่ในมุมของนักเล่นเกมรุ่นเก่า คุณอาจรู้สึกว่าเกมขาดเสน่ห์ไปมาก ผู้เล่นสามารถใช้ Wirebugs เพื่อปล่อยเส้นใยที่ห้อยลงมาจากที่สูง ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นกลายเป็นสิ่งพึ่งพาที่สำคัญตลอดการแสดง นอกจากความสามารถในการเคลื่อนไหวแล้ว Wirebug ยังรวมเข้ากับการโจมตีด้วยอาวุธ ทำให้เกิดท่าใหม่ที่เรียกว่า “Silkbind” ทำให้สามารถสร้างชุดค่าผสมใหม่ๆ ได้

นอกจากนี้ยังมีท่า Wirefall เมื่อมอนสเตอร์กระเด็นถอยหลัง จะสามารถห้อยใยกลับฐานได้โดยไม่ล้มจนอ้างว่าคงกระพันชาตรี เพราะหากผู้เล่นไม่อ่อนแอถึงระดับที่โดนพื้นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเพื่อกลับมาตั้งหลักได้ ให้รับ Restoration Potion ทันทีที่มี Wirebugs เพียงพอ

ด้วย Wirefall เป็นการเคลื่อนไหว ผู้เล่นมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะพบกับจังหวะซิทคอมในขณะที่เราล้มลง อาจจะพอลุกขึ้นมาโดนมอนโจมตีได้ นี่ถือว่าดีแต่น่าผิดหวังเล็กน้อยสำหรับผู้เล่นเก่าที่ชอบช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้

และเนื่องจากผู้เล่นมีหลายทางเลือก เมื่อรวมกับความช้าของอาวุธ ระยะในการเข้าใกล้มอนสเตอร์ที่สั้นลงจึงลดลงให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ให้เราได้เห็น Moveset ของอสุรกายนรกที่ถูกส่งมาเกิด มันโหดเหี้ยมด้วยส่วนขยาย Iceborne ที่เพิ่มเข้ามาในรอบนี้ตั้งแต่ High Rank เป็นต้นไป เนื่องจากเกมได้คำนึงถึงว่าคุณมี Wirebug อันทรงพลังอยู่ในมือเป็นการแลกเปลี่ยน

ในทำนองเดียวกันการออกแบบระดับสามารถออกแบบให้สูงขึ้นได้ ใช้เป็นปริศนาเพื่อรับไอเท็มหายาก / เยี่ยมชมค่ายลับอย่างชาญฉลาด กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันให้ความรู้สึกว่าคุณมีอิสระที่จะบินได้ทุกที่ แต่จริง ๆ แล้วมีข้อจำกัดในการเดินทางอยู่บ้าง

สลับระบบทักษะ

มีตัวเลือกในการเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีพิเศษของอาวุธแต่ละชนิด ไม่ว่าจะใช้การโจมตีเดิมหรือเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็เปิดโอกาสให้ทีมได้เพิ่มไอเดียใหม่ๆ เข้าไป แถมยังสามารถ Play Safe เก็บอาวุธเก่าจากภาคก่อนๆ ไว้ได้ เพื่อให้ผู้เล่นยังคงใช้อาวุธที่ถนัดได้ด้วย ความสงบจิตสงบใจ.

ด้วยความหลากหลายที่มากขึ้น Rise เป็นอุตสาหกรรมที่เปิดช่องทางให้เล่นมากมาย เพราะต่อจากนี้ไป อาวุธชนิดเดียวกันสามารถมีโบนัสพลังที่แตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนถนัดอะไรใน Switch Skill

Palamute เพื่อนใหม่ที่ทำให้เกมน่าสนใจยิ่งขึ้น

ในภาคนี้ คุณจะได้ขี่ Palamut ไปทั่วภูมิภาคด้วยความเร็วสูง ไม่จำเป็นต้องบ่นเมื่อเริ่มภารกิจใหม่ คุณจะต้องวิ่งเท้าเปล่าครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่มีการกระแทก

การมาถึงของเพื่อนสี่ขายังเพิ่ม Spiritbirds ที่รวบรวมไว้ในเกมด้วย stat buffs, Wirebugs, การใช้งานที่เพิ่มขึ้นและผู้ช่วยล่าสัตว์ ซึ่งทั้งหมดนี้กระตุ้นให้ผู้เล่นอยากวิ่งไปรอบ ๆ แผนที่มากขึ้น เพราะเราตระหนักดีว่าหากเราวิ่งไปเก็บสิ่งเหล่านี้จะสร้างความได้เปรียบในการล่ามอนสเตอร์จริง ๆ แทนการสำรวจแผนที่อย่างแน่นอน เพราะคุณเพียงต้องการปลูกวัตถุดิบไว้ใช้

เกมที่มีผู้เล่นหลายคน

ได้รับการพัฒนาก่อนที่ World หรือ Nintendo Switch จะวางจำหน่ายเสียอีก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระบบผู้เล่นหลายคนของเกมดูเหมือนจะล้าหลังไปเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนแนวจากยิงพลุเป็นแชร์ห้องส่งนกฮูกไปช่วยแทน

เกมดังกล่าวแบ่งภารกิจออกเป็นสองส่วน แยกจากกัน ได้แก่ Village Quest ซึ่งบังคับให้คุณเล่นคนเดียว และ Hub Quest ซึ่งเล่นได้หลายคนซึ่งโหดยิ่งกว่า และเนื้อหาของเกมทั้งหมดจะอยู่ในส่วนนี้ ดังนั้นสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นแบบเบาๆ พื้นที่นี้สามารถทำฟาร์มผ่าน Village Quest ได้ แต่ถ้าใครเตรียมพร้อม ชำนาญ และพร้อม ก็สามารถเริ่มและจบได้ในครั้งเดียวด้วย Hub Quest

อย่างไรก็ตาม ข้อดีอย่างหนึ่งของการแยกภารกิจผู้เล่นคนเดียวออกจากภารกิจผู้เล่นหลายคนก็คือ ถ้ามีคนเล่นคนเดียว คุณสามารถกดเพื่อหยุดเกมชั่วคราวได้ (กดจากเมนูหรือกดปุ่มโฮมของสวิตช์) ซึ่งสะดวกต่อการพกพาเกมไปเล่น ภายนอก บนสายโซโลของอุปกรณ์พกพา คุณสามารถกด Suspend ก่อน หากมี ทำไมต้องหักอะไรตรงกลาง?

ติดตามเกมบน Steam เพิ่มเติมได้ที่ : เกมSteam

ติดตามข่าวสารเกมเพิ่มเติมได้ที่ : gamesreview

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ